Category ข่าวบันเทิง

"กีต้าร์" อัปเดตอาการ "อ๋อม" หลังผ่าตัดแล้วราวกับได้เกิดใหม่

กีต้าร์ อัปเดตอาการ อ๋อม

“กีต้าร์” ออกมา อัปเดตอาการ “อ๋อม” หลังจากที่ผ่าตัดแล้ว เหมือนได้เกิดใหม่ ทำเอาหลายคน อดเป็นห่วงมิได้

หลังจากดาราสาว โม อมีนา ออกมาเปิดเผย อาการป่วย ของดารานำชายหนุ่ม อ๋อม อรรคพันธ์ ว่าจะต้องเข้ารับการผ่าตัด เพื่อรักษา โรคมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ

กระทั่งเกิดดราม่า โจมตีสาวโม อมีนา ว่าไม่สมควรออกมาพูดประเด็นนี้ ควรให้เจ้าตัว หรือ ครอบครัว ของพระเอกหนุ่ม ออกมาบอกเอง จะดีมากกว่า

ล่าสุด พี่สาวคนสนิท อย่าง กีต้าร์ ศิริพิชญ์ ซึ่งหนุ่มอ๋อม นั้น ให้ความเคารพ ได้รับอนุญาต ให้โฟนอิน อัปเดตลักษณะการป่วย อ๋อม อรรคพันธ์

หลังจากเพิ่ง ออกมาจากห้องผ่าตัด ช่วงวันที่ 31 เดือนมกราคม 2566 ก่อนหน้าที่ผ่านมา ผ่านรายการ เที่ยงบันเทิงสด ทางช่อง 7HD รวมถึง ทางรายการ ได้มีการขออนุญาตดารานำชายหนุ่ม เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

อ๋อม

โดย กีต้าร์ ศิริพิชญ์ พี่สาวคนสนิท ชายหนุ่มอ๋อม เผยว่า

“ผลการผ่าตัดเมื่อวาน ทุกอย่างเรียบร้อยดี ผลการผ่าตัด เป็นที่น่าพอใจ ของคณะแพทย์ ทุกท่านค่ะ ตอนนี้อาการเพิ่มเติม ของน้อง เรียกได้ว่าดีมาก หายใจด้วยตัวเองได้ พูดคุยได้ เมื่อวานได้พูดคุย กับน้องเรียบร้อยแล้ว เมื่อน้องได้ฟื้นตัว คุณแม่ก็ได้พบเจอ ได้พูดคุย ทุกอย่างออกมา เป็นที่น่าพอใจ และ ดีมาก ๆ ค่ะ”

“ตอนนี้น้องอ๋อม กำลังใจ ดีมากค่ะ และฝากขอบคุณ ผู้ใหญ่ทุก ๆ ท่าน รวมถึงพี่ ๆ น้อง ๆ ในวงการ รวมถึงแฟนคลับ ทุกคน น้องอ๋อมได้อ่านข้อความ ทุกข้อความ ที่ส่งมาให้กำลังใจ และส่งมาเยี่ยม ทุกท่านเลย ก็ฝากขอบคุณจริง ๆ เดี๋ยวรอให้อาการของน้อง ฟื้นตัวดีขึ้น เพราะตอนนี้ เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด รอให้อาการดีขึ้น เดี๋ยวจะมาอัปเดต กันอีกที”

“ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ เดี๋ยวต้าร์ขออนุญาต มีคนหลายถามมา เหมือนกัน ว่ารายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับรายละเอียดของน้อง ต้าร์ขออนุญาตเดี๋ยวให้น้อง ให้คุณพ่อคุณแม่ กับทางคณะแพทย์ ออกมาชี้แจง ดีกว่านะคะ ว่ามีอาการยังไงบ้าง แต่ตอนนี้ขอยืนยัน ว่าน้องปลอดภัย และทุกอย่างเรียบร้อยดีมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ”

“วันเกิดของน้องอ๋อม ที่ผ่านได้ ไปทานข้าวด้วยกัน เราก็พูดคุยกันบ่อย คือส่งกำลังใจกันไปมาตลอด เมื่อวันที่ 18 มกราคม เป็นวันเกิดอ๋อม และ น้องจะเข้าผ่าตัดวันที่ 31 มกราคม ก็เลยนัดทานข้าวกันวันที่ 29 มกราคม ก็มีพี่ มีพี่หลุย มีพี่หน่อย มีพี่เตอร์ และผู้ใหญ่อีก 2-3 ท่าน ก็ไปให้กำลังใจกันค่ะ”

“ เพราะวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา เมื่อวาน คือการผ่าตัดใหญ่ของน้อง เราก็ทานข้าว พูดคุยให้กำลังใจ

เรียกว่าไปซัพพอร์ตหัวใจน้อง เพื่อให้พลังก่อนจะเข้าหองผ่าตัด ก็ได้รับกำลังใจไปเต็ม ๆ ก่อนจะกลับบ้านกันไปก็ส่งพลังกันให้เต็มที่ น้องก็แฮปปี้ พร้อมที่จะสู้ และเข้าห้องผ่าตัด ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ ตอนนี้อ๋อม ก็พูดคุยได้นะคะ แล้วก็ฟื้นตัวได้ดีมาก ๆ ด้วย”

“อ๋อมทราบด้วยว่า เดี๋ยวช่อง 7 จะขอสัมภาษณ์พี่ แล้วก็บอกอ๋อมไปแล้ว เดี๋ยวขออธิบายเกี่ยวกับ อาการต่าง ๆ แบบนี้นะ ว่าทุกอย่างเป็นที่น่าพอใจ น้องก็เลยฝาก ขอบคุณมาด้วย ฝากขอบคุณช่องด้วย ฝากขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน รวมถึงแฟน ๆ ทุกท่านที่ให้กำลังใจค่ะ

ส่วนจะเข้าไปเยี่ยมอ๋อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวคงต้องรอให้น้องฟื้นตัว ได้อีกสักพัก ตอนนี้เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด วันสองวัน เดี๋ยวรอให้น้องฟื้นตัวได้ดีขึ้น อีกสักพักนึง เดี๋ยวคงได้ไปเยี่ยมกัน”

“กำลังใจอ๋อมเรียกว่าดีมาก ๆ ค่ะตอนนี้ ยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อเช้าพูดคุยกันตอนประมาณ 8 โมงเช้า ก็โอเคค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร กำลังใจสู้ ตอนนี้ยิ่งกำลังใจดีขึ้น เพราะทุกอย่างมันออกมาดี ผลการผ่าตัด ผลการรักษาออกมาได้ดีมาก ๆ น้องก็ดีใจ ที่ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปด้วยดี

เหมือนวันเกิดค่ะ น้องได้เกิดใหม่ เหมือนที่พี่อวยพรไป ว่าได้เกิดใหม่ ได้มีชีวิตใหม่ที่ดี ก็ดีใจกับน้องด้วย ไม่แน่นะคะ อีกสักปีหน้า 2 ปี ให้น้องฟื้นตัวดี ๆ ขึ้น เดี๋ยวได้กลับมาเล่นละคร กับทางช่อง 7 แน่นอนค่ะ”

ผู้บริหารค่าย ขอโทษ ดราม่า คลิปกอด "บิว จักรพันธ์" รับด่าแฟนคลับ เพราะว่าวู่วาม

ผู้บริหารค่าย Be On Cloud ขอโทษ ชี้แจงดราม่า คลิปกอด “บิว จักรพันธ์” ยืนยันมิได้เข้าข้างใคร แค่เป็นการกล่าวลา ยอมรับด่ากลับแฟนคลับ เนื่องจากว่าวู่วาม

กลายเป็นประเด็น ดราม่า จนได้ หลังจากผู้บริหารค่าย Be On Cloud “ปอนด์ กฤษดา วิทยาขจรเดช” โพสต์คลิปกอดอดีตผู้แสดง ในสังกัด “บิว จักรพันธ์” ที่ตกเป็นข่าว ทำร้ายร่างกาย อดีตแฟนสาว “ปอย พรรธน์ชญมน” นักเขียนนิยาย ต้นฉบับซีรีส์ “KinnPorsche The Series”

พร้อมเขียนใจความว่า

“บิวไม่เคยเป็นน้องที่ไม่น่ารัก หรือ ไม่ดีกับพี่แม้แต่ครั้งเดียว และมันยังคงเป็นแบบนั้นเสมอ ขอให้ทุกอย่างกับทุกคนดีขึ้น และ เหมาะสมในเร็ววัน @บิวคนใหม่” ก่อนคอมเมนต์ตอบแฟนๆรายหนึ่งว่า “ยุ่งไรวะ รู้ไร ว่าเขาผ่านไร กันมาบ้าง นี่ ig ส่วนตัวจะโพสต์ไรก็เรื่องของเจ้าของ ig ไม่ชอบก็ block ไปดิ จะมาดูมาเมนต์เพื่อไรวะ สะเหล่อ” หลังจากถูกแฟนคลับรายนั้น คอมเมนต์ว่า “you never protected him, stop acting like you care” จนกระทั่งกลายเป็น ดราม่าใหญ่ #BoycottBOC

ภายหลังที่ “บิว จักรพันธ์” ออกมาแถลงข่าว ประกาศลาออก จากค่ายด้วยตัวเอง กล่าวว่าสิ่งที่ทุกคนรับรู้ หรือพบเห็น มันไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด อยากให้ทุกคนทราบว่า เรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งส่วนใด จากนี้ ขอเอาความจริงทั้งปวง ไปสู้กันในชั้นศาล

ล่าสุด “ผู้บริหารค่าย” ออกมาอธิบายว่า

“การได้เห็นคนที่เรารัก เหมือนครอบครัว แตกสลายต่อหน้า เป็นเรื่องที่สะเทือนใจ และยอมรับว่า Lost จริง ๆ คนที่โตมาด้วยกัน กับเหตุการณ์ทุก ๆ เรื่องที่ได้รับรู้ ไม่ว่าจากฝั่งไหน มันสร้างความสะเทือนใจ กับผม ภาพที่ได้เห็นบิว ครอบครัวของเขา เมื่อวานมันเกิดความรู้สึกมากมาย เกินกว่าที่คนอย่างผม จะจัดการความรู้สึกได้ดีพอ

เมื่อวาน ที่ผมโพสต์ในโซเชียลส่วนตัว ไม่ได้เพื่อเข้าข้างใคร หรือบอกว่าใครผิด หรือถูก ผมโพสต์ เพื่อจะบอกลาครอบครัวผมคนนึง ที่กำลังจะจากผมไป ที่โพสต์วิดีโอเก่า ตอนคอนเสิร์ตแรก วันที่บิวเคยปรับตัว จากเรื่องอดีตที่ทำพลาด ผมลงไป ผมไม่ได้ทำเพื่อปกป้อง หรือ ชื่นชมเขา ในเรื่องที่เขาทำผิดต่อผู้อื่น หรือสังคม ผมโพสต์ในมุมที่เขามีต่อผม

และผมหวังว่า สักวันในอนาคตเขาจะคิด และ ปรับตัวให้ดีขึ้น กว่าวันนั้น และที่ผ่านมา ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ที่คอยประคับประคอง ทุกคนให้เดินไปด้วยกัน จนถึงวันนี้ มันเสียใจ กับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น กับทุกคน ทุกฝ่าย มากจริง ๆ

คำว่าประธานค่าย CEO หรืออะไรก็ตาม ที่ทุกคนใช้เรียก มันคือตำแหน่ง ที่ทุกคนคาดหวัง คือหัวโขน ที่ข้างในคือคนธรรมดา ๆ คนนึงที่มีความรู้สึก และแสดงออก แบบคนธรรมดาทั่วไป ผมขอให้ลองคิดว่า ถ้าคุณจะต้องบอกลา กับคนในครอบครัว ของคุณ คุณก็คงรู้สึกไม่ต่างกับผมตอนนี้

กับปอยเอง ก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างกัน ยังให้กำลังใจ และคุยกับปอยเสมอ และผมรู้ว่าปอยก็เจ็บปวด แต่อาจจะด้วยภาพ ที่ผมได้เห็นจริง ๆ กับตาตอนนี้ ทำให้ผมใจสลาย และได้โพสต์ออกไปแบบนั้น

แต่ทุกคนต้องรับผลของการกระทำ ไม่ว่าจะใครก็ตาม ผมเองก็ด้วย คนทำผิด ก็ต้องได้รับบทลงโทษ ผมไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ และไม่ปกป้องคนกระทำผิด แม้แต่ครั้งเดียว

ที่ผ่านมา ผมเศร้าทุกครั้ง ที่คิดว่าเกิดอะไรขึ้น กับน้องทั้งสองคน แต่เราไม่สามารถกลับไปทำอะไรได้ ผมเข้าใจ และยอมรับในความจริงทุกอย่าง

ส่วนการใช้อารมณ์ตอบโพสต์ ผมขอโทษ และยอมรับ ในความผิดพลาดของตัวเอง ยอมรับว่าเป็น Personal Emotion และยอมรับว่าวู่วาม

ผมเข้าใจเรื่องบัตรคอนมาก และการโพสต์นี้ เพื่อชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจ ในเจตนาของผม ไม่เกี่ยวข้องกับบัตรคอนเสิร์ตเลย ยังไงเราก็จะจัด อย่างที่บอก คอนนี้สำคัญสำหรับเรา มันคือบทสรุป ของสิ่งที่เราพยายามทำมา

ผมก็ยังจะทำทุกอย่าง ด้วยหัวใจของผม ทำเพื่อคนที่ผมรัก เพื่อครอบครัวของผมต่อไป ขอโทษทุกคนสำหรับเรื่องนี้ และต่อไป จะจัดการความรู้สึกตัวเอง ให้ดีกว่านี้ครับ”

กุ้งพลอย ลงเล่นการเมือง แก้ปัญหาพนัน เคยโทษตนเอง ตอนนี้มองรัฐบาลคือต้นตอ

กุ้งพลอย ลงเล่นการเมือง

กุ้งพลอย ลงเล่นการเมือง แก้ปัญหาพนัน เคยโทษตนเอง ในช่วงเวลานี้มองรัฐบาล คือต้นตอ ทำเอาคนฮือฮามากมายทีเดียว เมื่อมีข่าวสารออกมาว่า กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ อดีตเมียของ ชายหนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์ ได้ลงเล่นการเมือง ในฐานะเป็น สมาชิกพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่นำทีมโดย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ และก็ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์

ล่าสุด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเต้ ได้พา กุ้งพลอย มาเปิดตัว อย่างเป็นทางการ ที่บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา พร้อมทำการสวมเสื้อพรรคให้ และก็ แสดงความยินดี โดย กุ้งพลอย ได้ให้เหตุผล ที่ตัดสินใจลงเล่นการเมืองว่า

ทำไมตัดสินใจ ลงเล่นการเมือง?
“อันดับแรกเลย คือทำงานในวงการ มานานมากแล้วค่ะ แล้วอีกอย่างก็คือ ทุกคนรู้ว่าเคยผิดพลาด เกี่ยวกับการพนันมาแล้ว แล้วบังเอิญได้เลื่อนดูใน TikTok แล้วไปเจอสิ่งที่พี่เต้พูด ถึงระบบของการพนัน แล้วที่ผ่านมา 2 ปีกว่า มีคนส่งข้อความมาเยอะมากเลยค่ะ คือปรึกษาเกี่ยวกับ การเล่นการพนัน แล้วชีวิตพัง เขาก็ไม่มีวิธีที่ ทำให้ลุกขึ้นมาแก้ไขได้เร็ว เท่ากับที่กุ้งพลอยทำ เขาก็เลยอยากรู้ว่า เราทำได้ยังไง และ เราสามารถที่จะลุกขึ้นยืน ได้ยังไง ส่วนตัวเขาแย่มาก ครอบครัวพัง ไม่ได้เจอลูกเลยค่ะ

กุ้งพลอย

แล้ว กุ้งพลอย เลยคิดว่า ในความเป็นจริงแล้วแพลตฟอร์ม บนแอปพลิเคชัน

มันควรจะไม่มี แล้วบังเอิญมาพบ พี่เต้พอดี แล้วไปเจอสิ่งที่พี่เต้กล่าวถึง แพลตฟอร์มของการเดิมพัน กุ้งพลอยเลยรู้สึกว่า อันนี้แหละที่เราสนใจ อยากจะลองเข้ามาทำงาน ในการเมืองดูบ้าง อันนี้แหละ ที่เราได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น บางอย่างที่เรารู้อยู่แล้ว นิดนึง เราบางทีอาจได้เรียนรู้มากขึ้นก็ได้ แล้วก็ เราอาจจะได้ไปปรับปรุง ในสิ่งที่เราเคยผิดพลาดไปค่ะ

ความตั้งใจ มีเท่านี้เองค่ะ แล้วอีกอย่าง ได้นัดคุยกับพี่เต้ ก็ได้เห็นอุดมการณ์ของเขา เราชอบค่ะ ชอบเป้าหมาย ที่เขาวางเอาไว้หลาย ๆ อย่าง แต่สิ่งที่ชอบที่สุดเลย น่าจะเป็นเรื่องการ พนันนี่แหละค่ะ เพราะมันใกล้ตัวหนูที่สุดแล้ว หนูมีความรู้สึกว่า เมื่อก่อนจะโทษว่าตัวเองผิดพลาด

รวมทั้ง โทษว่าที่ครอบครัวพัง มันน่าจะมาจากตัวเอง แต่ว่าอันที่จริงแล้ว ถ้าไปมองจุดเริ่มต้น หนูมีความคิดว่า ถ้ารัฐบาลแก้ไข แพลตฟอร์มการพนัน จริง ๆ น่าจะช่วยเด็กรุ่นหลัง ได้ดีขึ้นมากกว่านี้

แล้วเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว หนูกลับไปบ้าน ที่จังหวัดอ่างทอง ลูกหลานหนูในขณะนี้ เขาเข้าถึงเว็บไซต์การพนันง่ายอย่างยิ่งเลย แล้วก็ เขาก็เล่นเว็บการพนัน ได้แบบง่ายมากเลย โอนเงินสมัครได้ง่ายดายมากยิ่งกว่าเดิม

หนูเลยมีความรู้สึกว่า ไม่ต้องการให้คนไหน หรือเด็กรุ่นหลัง เขาพังเหมือนหนู ที่เคยพังมาก่อน หนูเลยคิดว่าตรงนี้ ต้องการจะให้ช่วย แก้ให้หน่อย เพียงแค่นั้นค่ะ สิ่งที่หนูตั้งใจ เข้ามาในพรรค ของพี่เต้

รวมทั้ง หนูชอบในการทำงาน ของพี่เต้ด้วย ตั้งใจจริง เป็นรุ่นใหม่ มีรสนิยมดี สู้ แล้วก็ใจถึง ไม่ย่อท้อ ซึ่งตรงกับที่หนูแก้ไขชีวิตหนูมา หนูลุกขึ้นสู้ได้ทุกวันนี้ เนื่องจากว่าหนูสู้ ไม่ถอย หนูไม่ยอมแพ้ แล้วก็ ขอบคุณพี่เต้มาก ที่เปิดโอกาสให้หนูค่ะ”

ใช้เวลาตัดสินใจ นานมั้ย ก่อนจะลงสมัคร?

“จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ ถ้าย้อนกลับไป มีพรรค ๆ หนึ่งได้ติดต่อทาบทาม แล้วอีกพรรค ก็มาติดต่อคุยไว้ เรื่องการเมือง แล้วจังหวะมันยังไม่ลงตัว เลยคิดว่า อยากจะแก้ไข อะไรในชีวิตก่อน อย่างน้อยจะได้เป็นแบบอย่าง  ให้กับคนที่ผิดพลาด ในเรื่องของการพนันได้ แล้วก็ลุกขึ้นสู้ได้

แล้วคนที่เป็นแม่คน ที่อาจผิดพลาด ในกรณีเดียวกัน เขาจะได้มีฮีโร่ มีไอดอลของเขา ลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เคยล้ม และ ผิดพลาดจากการพนัน และ ลุกขึ้นยืนได้ มันโคตรเท่ เพราะฉะนั้นกุ้งพลอยคิดว่า สิ่งตรงนี้ช่วงนี้ จังหวะนี้มันถูกแล้ว เลยคิดว่าพรรคนี้แหละ เป็นพรรคที่มั่นใจ ที่สุดเลย ที่จะเลือก ก็คือ พรรคไทยศรีวิไลย์ค่ะ”.

"NCT DREAM" เตรียมตัวจัดคอนเสิร์ตใหญ่ที่ไทย 3 รอบ 10-12 มี.ค.นี้!

NCT DREAM

SM True (เอสเอ็ม ทรู) พร้อมต้อนรับทุกคน ไปสู่ดินแดนแห่งความฝันของวงเค-ป๊อป ที่มาแรงเกินต้าน ‘NCT DREAM’ (เอ็นซีที ดรีม) ที่กำลังจะกลับมาเยือนประเทศไทย ในรอบ 3 ปี 3 เดือน พร้อมทัวร์คอนเสิร์ต ครั้งที่ 2 NCT DREAM TOUR ‘THE DREAM SHOW2 : In A DREAM’ in BANGKOK (เอ็นซีที ดรีม ทัวร์ ‘เดอะ ดรีม โชว์2 : อิน อะ ดรีม’ อิน แบงค็อก) ทั้งหมด 3 รอบการแสดง ในวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566 (เวลา 19.00 น.), วันเสาร์ที่ 11 เดือนมีนาคม 2566 (เวลา 18.00 น.) และ วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2566 (เวลา 16.00 น.) ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

NCT DREAM (เอ็นซีที ดรีม) ได้พิสูจน์ให้เห็น ถึงเสน่ห์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านการนำเสนอทักษะใหม่ ๆ ที่เติบโต

และ พัฒนาขึ้นในแต่ละเพลง ที่ปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็น

Chewing Gum,

My First and Last,

We Young, GO,

We Go Up

แล้วก็ เพลงฮิตที่ได้รับความรัก อย่างถล่มทลาย ดังเช่น‘BOOM, Ridin, Hot Sauce, Hello Future, Glitch Mode, Beatbox

รวมทั้งเพลงใหม่ล่าสุด จากมินิอัลบั้มพิเศษ ฤดูหนาว อย่าง ‘Candy’ ที่นำเพลงต้นฉบับของรุ่นพี่ H.O.T. มารีเมกให้มีความแจ่มใส แล้วก็ ล้ำยุคตามสไตล์ NCTDREAM ก็ได้คว้าอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงดิจิทัล

และ ชาร์ตอัลบั้มในประเทศเกาหลีใต้, ชนะอันดับ 1 ในรายการเพลงประเทศเกาหลี และ อันดับ 1 บนชาร์ต Worldwide iTunes Album

NCT DREAM  เตรียมจัดคอนเสิร์ต

นอกเหนือจากนั้น พวกเขายังครองสถานะเป็น ‘Triple Million Seller’

หรือศิลปินที่มียอดขายอัลบั้มกว่า 3 ล้านชุด ถึง 2 ครั้งติดต่อกัน โดยหนแรกในปี 2564 จากยอดขายรวมของอัลบั้มเต็มชุดแรก ‘Hot Sauce’ บวกรีแพ็กเกจอัลบั้มชุดแรก ‘Hello Future’ ที่ทะลุกว่า 3.31 ล้านชุด

และครั้งที่สองในปี 2565 จากยอดขายรวมของอัลบั้มเต็มชุดที่สอง ‘Glitch Mode’ บวกรีแพ็กเกจอัลบั้มชุดที่สอง ‘Beatbox’ ที่ทะลุกว่า 3.61 ล้านชุด อีกทั้ง NCTDREAM ยังคว้า 2 แดซังหรือรางวัลที่ใหญ่ที่สุดอย่าง ‘The Top Artist’

และก็ ‘The Top Album’ จากงานประกาศรางวัล ‘2022 Genie Music Awards’ แน่นอนว่า ความสำเร็จอันโดดเด่น และ ความนิยมชมชอบที่เพิ่มระดับแบบก้าวกระโดดของ NCT DREAM ยิ่งทำให้พวกเขาเป็นวงเค-ป๊อปที่มาแรงเกินต้าน และก็ น่าจับตามองสุด ๆ

โดยเฉพาะ คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งที่ 2 ‘THE DREAM SHOW2 : In A DREAM’ ได้ตอกย้ำถึงการเติบโต รวมทั้ง พลังอันน่าทึ่งของ NCTDREAM กันอีกครั้ง ด้วยการเปิดฉากอย่างอลังการ

ในกันยายน 2565 ณ Olympic Stadium และก็มีสถิติผู้เข้าชมทั้งแบบออฟไลน์ แล้วก็ ออนไลน์ รวมกว่า 135,000 คน จาก 102 ประเทศทั้งโลก

นับเป็นครั้งแรกของ NCT DREAM ที่ได้จัดคอนเสิร์ตเดี่ยว ในสถานที่จัดคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศเกาหลีใต้ ต่อจากนั้น พวกเขาก็ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตต่อใน 4 เมืองสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ยกตัวอย่างเช่น นาโกย่า, โยโกฮาม่า, ฟุกุโอกะ และก็ โอซาก้า รวมทั้งสิ้น 8 รอบการแสดง

ที่ผ่านมา NCTDREAM เคยจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวทีแรกในประเทศไทย NCT DREAM TOUR “THE DREAM SHOW” – in BANGKOK

เมื่อธันวาคม 2562 ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างร้อนแรงจากแฟนคลับชาวไทย กระทั่งบัตรทั้ง 2 รอบการแสดง หมดอย่างเร็วทันทีที่เปิดจำหน่าย และในที่สุดการรอกว่า 3 ปี 3 เดือน ของ NCTzen DREAM (เอ็นซีทีเซ็น ดรีม; ชื่อแฟนๆอย่างเป็นทางการ) ก็ใกล้จะสิ้นสุดลง

ด้วยเหตุว่า MARK (มาร์ค), RENJUN (เหรินจวิ้น), JENO (เจโน่), HAECHAN (แฮชาน), JAEMIN (แจมิน), CHENLE (เฉินเล่อ) และ JISUNG (จีซอง) เตรียมพาทุกคนไปพบช่วงแสนสุข ผ่านโชว์อันน่าตื่นตาตื่นใจ รวมทั้ง บทเพลงอันมีสีสันหลากหลายแนว

กับสเกลคอนเสิร์ตที่อัปเกรดให้ยิ่งใหญ่ขึ้น อย่างอิมแพ็ค อารีน่า ถึง 3 รอบการแสดง พร้อมโปรดักชันสุดอลังการ ซึ่งจะก่อให้ทุกคนได้สัมผัสคอนเสิร์ตที่เป็นเช่นเดียวกับความฝัน เหนือจินตนาการใน NCT DREAM TOUR ‘THE DREAM SHOW2 : In A DREAM’ in BANGKOK

เปิดขายบัตรคอนเสิร์ตก่อนใคร สำหรับสมาชิก SM True MEMBERSHIP ในวันเสาร์ที่ 11 ก.พ. 2566 เวลา 11.00 น. – 12.00 น. เท่านั้น

รวมทั้ง สำหรับบุคคลทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 12 เดือนกุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านค้า 7-Eleven หรือร้านค้าที่มีเครื่องหมายเคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขาทั่วประเทศ

และก็ทางเว็บ allticket.com/event/NCTDREAMTDS2BKK บัตรราคา 6,500 / 6,000 / 5,500 / 4,800 (บัตรยืน) / 3,900 / 2,900 / 2,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมถึงที่เหมาะ Counter Service Call Center 02-826-7788

หรือติดตามข่าวสาร และก็ รายละเอียดอื่นๆ ของคอนเสิร์ตได้ทางบัญชีโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของ SM True: เฟซบุ๊ก facebook.com/smtruethailand, อินสตาแกรม instagram.com/smtruethailand แล้วก็ ทวิตเตอร์ twitter.com/SMTrueThailand

"น้ำตาล" เปิดใจทัวร์ลงหนัก เหมือนเป็นปม ถูกขุดพลาดมงเพราะว่าตอบคำถาม

น้ำตาล

รับมือไม่ทันเลยทีเดียว สำหรับ น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 หลังจากถูกทัวร์ลงอย่างหนัก ด้วยเหตุว่าวิจารณ์ และก็เคาะ Top5 สาวงามในเวทีการประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2023 ที่ถูกจัดขึ้น ณ เมืองนิวออร์ลีนส์ ประเทศอเมริกา

ปัจจุบัน น้ำตาล ชลิตา ได้ออกมาเปิดใจ ในเวลาที่เดินทาง มาร่วมงานเปิดตัว บริษัท มดแดง มีเดีย จำกัด ถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว พร้อมเปิดเผยปมในใจ บนเวทีการแข่งขัน ที่ยังคงไม่เลือนหาย มาจนถึงทุกวันนี้

เราฟันธง 5 นางงามที่เข้ารอบได้แม่นมาก ?
“โอ๊ย ไม่ หนูไม่ได้แม่นถึงขนาดนั้นหรอก เราก็ดูไปตามเนื้อผ้าเนื้องานค่ะ เรามีความรู้สึกว่า 5 คนที่เราเอาเข้า Top5 เนี่ย เขามีความดึงดูด จากที่เราได้ดูหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาด้วยค่ะ และก็จากที่เราได้อยู่ที่ตรงนั้นมาด้วย ก็รวม ๆ กันค่ะ”

น้ำตาล ชลิตา

พอ น้ำตาล โพสต์ไปตอนต้น คือทัวร์ลงหนักมาก ?

“หนักมากอยู่เหมือนกันค่ะ คือตอนนั้นที่โพสต์ไปก็ไม่ได้คิดว่าจะมีทัวร์หรืออะไรอยู่แล้ว เพราะเรารู้สึกว่าเราก็ดูเหมือนทุกคน และก็ดูในฐานะของแฟนนางงามเหมือนกันค่ะ”

ขนลุกกับการทายเป๊ะของตนเองไหม ?
“จริง ๆ ก็แอบงงอยู่เหมือนกันค่ะ เราก็ดูไปสนุก ๆ ขำ ๆ เฉย ๆ แค่นั้น เราก็เคาะไปตามพี่กะเทยแหละ พี่กะเทยเคาะ หนูเลยอยากเคาะตามแค่นั้น มันก็ไม่มีอะไร พอเคาะไปแล้วมาตรงหมดเลย ก็ขนลุกตัวเองเหมือนกันค่ะ”

คนที่ดราม่า มีคนไหนเลี้ยวกลับมาขอโทษบ้างหรือไม่ ?
“เงียบกริบเลยค่ะ (หัวเราะ) อ่อ แต่มีน้องคนนึง วันนั้นตาลไปเชียร์ น้องแอนนา เสือ ที่พารากอนด้วย แล้วมีน้องที่เขาแต่งตัวแล้วได้รางวัลแต่งตัวที่ไปร่วม เขาก็มาบอกหนูเป็นหนึ่งในนั้นที่มาสาปพี่ (หัวเราะ) หนูก็บอกไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ให้อภัย (หัวเราะ)”

เห็นเราถึงกับกล่าวว่า เจอดราม่าหนักกระทั่งอยากจะพักการวิจารณ์แล้ว ?
“อาจจะเหมือนเดิมค่ะ ที่ไม่มานั่งเคาะอะไรแล้ว อาจจะห่างๆ ออกมา เพราะรู้สึกว่าพอเราเจอเรื่องของคำพูดหรือการคอมเมนต์ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเรามากๆ มันก็ค่อนข้างที่จะบั่นทอนจิตใจของเราเหมือนกัน”

“เขาเอาเราไปเปรียบเทียบ เอาไปแขวน บอกว่าเขาให้มงเรา แล้วเหมือนเราโยนมงต่อ ช็อตไมค์ หรืออะไรแบบนั้น ขุดของเรามาพูด คือจะบอกว่าตรงนั้นมันเหมือนเป็นปมของตาลเหมือนกัน ในการที่ตาลตอบคำถามหรือตุ๊บอะไรตรงนี้ ตอนนั้นคือเป็นการเสียใจที่สุดของตาลแล้ว เลยรู้สึกว่าเวลาที่คนพูดเรื่องนี้เราจะค่อนข้างเซนซิทีฟเหมือนกัน ขนาดตัวเองยังไม่กล้าไปดูตัวเองตอนตอบคำถาม หรือการตกรอบตรงนั้นเลย”

หลังพบทัวร์ลง สภาพจิตใจช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“เดี๋ยวนี้ก็หายแล้วค่ะ คิดว่าเราเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้นแล้วด้วยค่ะ ก็ค่อนข้างที่จะคอนโทลตัวเองได้แล้วนิดหนึ่ง”

แต่ว่าก็มีบางกระแส ต้องการให้เราเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง ช่วยไปเลือกนางงามไทย ส่งไปประกวด ได้ไหม ?
“จริง ๆ ตาลก็ไปเกือบทุกปี อยู่เหมือนกัน แต่ก็จะต้องขึ้นกับทางมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ค่ะ ที่เขาจะเลือกคนไหน แบบไหนบ้าง ตาลไม่ได้เลือกคนเดียว ตาลมิได้เป็นเจ้าของเวทีค่ะ เลยไม่รู้ว่าจะต้องไปเลือกยังไง เราก็ทำตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายมา เท่านั้น”

แต่เราเองก็เป็นคนที่มองขาดอยู่เหมือนกัน กับเรื่องอย่างนี้ ?
“อย่างหนึ่งก็คือ มันเหมือนเป็นประสบการณ์ ที่เราได้ไปอยู่ตรงนั้นด้วยค่ะ ก็พยายามที่จะบอกกับทีมงานทุกคนว่า อยากที่จะให้หาคนที่พร้อมตรงไหนบ้าง อะไรแบบนี้ ก็แนะนำไปแล้วค่ะ”

คนเชียร์ให้เปิดเพจนางงามเลยไหม ?
“(หัวเราะ) เปิดสำนักเหรอ โอ๊ยไม่หรอกค่ะ หนูคงไม่มาเอาดีทางด้านนี้หรอก (หัวเราะ) หนูกลัวพี่กะเทย (บางคนขอเลขเลย?) ไม่หรอกค่ะ หนูไม่แม่น ไม่มีโชคลาภทางด้านหวยแน่ๆค่ะ ดวงพูดว่าหนูต้องทำด้วยตัวเอง”

 

มีโอกาสได้พูดคุย หรือส่งกำลังใจให้ แอนนา เสือ บ้างหรือยัง ?

“ยังเลยค่ะ ยังไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยอะไรเกี่ยวกับน้องเลยค่ะ น้องบางทีอาจจะค่อนข้างที่มีงานยุ่ง หรือมีคนไหนที่ติดต่อน้องเยอะ เราก็เข้าใจตรงนั้น เป็นตัวตาลเอง ตาลก็ไม่ได้สนิทกับน้องอะไรขนาดนั้น เราก็ส่งพลังใจห่าง ๆ ให้กับน้องค่ะ”

กลัวทัวร์จะลงอีกไหม ด้วยเหตุว่าต้นปีมาก็โดนเลย ?
“หนูรับมือไม่ทันเลย คือหนูตั้งปณิธานกับตัวเองว่า เดี๋ยวปีใหม่แล้ว ปีนี้เราจะไม่สร้างตำนานอะไรแล้ว เราจะลดลงเยอะๆเลย แต่ว่าพอเริ่มต้นปีมาก็ โห มาเร็วเหมือนกันค่ะ”

“หนูรู้สึกว่าหนูอยากจะโฟกัสเรื่องตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ แต่จริงๆ ที่ผ่านมาหนูก็โฟกัสเรื่องตัวเองแหละ เพียงแต่คนอื่นเอาเรื่องของหนูมาใส่ในตัวหนูอีก เอาเรื่องมาหาตัวหนู ก็จะพยายามไม่ตอบโต้หรืออะไรมากๆ ค่ะ”

ความรักปัจจุบันนี้เป็นยังไง เห็นทริปไปเกาหลี ?
“ประเทศเกาหลีหนูไปกับทัวร์”

มีคนจับผิดว่า เรากับ ตะวัน คบกันอยู่ ?
“ห๊ะ เอาเลยเหรอ (หัวเราะ) เราก็สนิทกันค่ะ คุยกันปกติ ตอนนี้ยังไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักค่ะ (มากกว่าเพื่อนไหม ?) ยังโฟกัสเรื่องงานอยู่ค่ะ (หัวเราะ) เรื่องของความรักยังเป็นเรื่องรองสำหรับหนู เพราะตอนนี้หนูก็ยังมีภาระ มีครอบครัวที่จะต้องดูแล มีอะไรที่ต้องทำก่อน แม่ไม่ได้ว่าอะไรเลยค่ะ แค่หนูรู้สึกว่าตอนนี้ยังสนุกกับการทำงานมากกว่า แต่ถ้าถามมีไหม มันก็มีคุยๆ บ้างแหละ หมอดูไม่ได้ทัก หมอดูแค่บอกว่าเราต้องทำงานก่อน ถ้าเราทำงาน เรามีเงิน เราก็จะรวย”

กับคนนี้สถานะคืออะไร ?
“ยังไม่จบเหรอ เป็นเพื่อนที่ปรึกษา ร่วมคิด (หัวเราะ)”

"ดีเจมะตูม" ช่วยจับมิจฉาชีพเห็นใจผู้เสียหาย อยากขอโทษแม่ ทำผิดสัญญาอีกแล้ว

ดีเจมะตูม

จากกรณีมีคลิปบุกจับโจร ที่ถูกแชร์ทั่วโซเชียล ซึ่ง ดีเจ มะตูม-เตชินท์ พลอยเพชร เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเหตุ จนนำมาซึ่งแฮชแท็ก #ก้งมะตูมจับโจร ติดเทรนด์ร้อน เป็นประเด็นข่าวดัง ปัจจุบันเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ ถึงสถานะการณ์ที่เกิดขึ้น

โดย มะตูม เปิดเผยว่า “ที่เกิดเหตุการณ์จัดฉาก เพราะน้องก้ง ผู้เสียหาย โดนหลอกไปเกือบ 8 ล้าน แล้วเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับชื่อเรา เพราะเขาบอกว่าสนิทกับเรามาก ทำให้เขาร่วมลงทุน ทั้งลงทุนทอง ธุรกิจเวลเนส มันเลยทำให้เราไม่สบายใจ คิดว่าเด็กคนนึงไม่ควรโดนหลอกไปซึ่งๆ หน้าแบบนี้ คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ถูกต้อง ก็เลยอยากออกมาช่วย พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้เป็น 1 ในขบวนการสมรู้ร่วมคิดกับคนนี้ เลยเซ็ตเหตุการณ์เพื่อจับโจร”

ดีเจมะตูม จับโจร

“ ตั้งแต่ทราบว่าเขามีคดีติดตัว เลยเฟดตัวออกมา

ช่วงนั้นเขาอยู่กับก้งตลอด ประมาณ 3-4 อาทิตย์ ที่เขาอ้างชื่อเราตลอดเวลา ซึ่งเขา 2 คนรู้จักกันไม่ถึงเดือน ซึ่งตูมรู้จักคนนี้ไล่เลี่ยเป็นหลักวัน แต่เขาไปบอกว่าเขาสนิทกับตูม กับก้งมาก ”

“คือเขาเข้ามาที่ร้านเหล้าปกติ ทำราวกับตัวเองเป็นลูกค้ารวยๆคนหนึ่ง มาเปย์มาเลี้ยงเรา มาหลอกเลขา มาบอกว่าอยากที่จะให้เราทำธุรกิจเวลเนส ตอนแรกจะจ้างให้เป็นพรีเซนเตอร์ก่อน แต่ว่าจู่ๆพูดว่าให้เป็นหุ้นเลยแล้วกัน เดี๋ยวให้เป็นเปอร์เซ็นต์นะ แต่ไม่ว่างไปติดต่อประสานงาน ให้เลขาไปติดต่อประสานงานให้แล้วกัน เดี๋ยวให้เป็นเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าวันชำระเงินไม่มา เหมือนให้เราเสียหน้า เราก็เลยรู้ว่าคนนี้ไม่ชอบมาพากลแล้ว”

“ต้องขอบคุณสถานะการณ์นี้ ด้วยเหตุว่าเป็นเหตุการณ์ที่เขาให้เลขาตูมไปเอาที่ หากไม่เชื่อจะโอนเงินให้ก่อน 1 ล้านบาท เพื่อไปจ่ายเจ้าของที่ ยืนยันว่าเอาที่นี้แน่ แล้วเขาโอนมาจริงๆ1 ล้านบาท เข้าบัญชีเลขาตูม แล้วไม่ถึง 1 ชั่วโมงบอกให้คืนกลับไป พูดว่าเดี๋ยวไปชำระเงินสดเอง ให้เลขากลับบ้านไปได้เลย ซึ่งอันนี้เป็นจุดบอดเขา พอโอนเงินมันเป็นธุรกรรม เราสามารถเอาชื่อไปเช็กได้ เราลยไหวตัวทันเอาชื่อไปเช็ก เลยทราบว่าเขาเคยมีคดีติดตัวเรื่องถุงมือยาง รวมทั้งเอทีเค หลาย 10 ล้านบาท”

“เรื่องจัดฉาก น้องก้งบอกว่าฟ้องแน่ เพราะเหตุว่าเขาเสียหายไป 8 ล้าน เขาปรึกษาทนายความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องนี้ต่อให้ไม่ได้เงิน เขาจะต้องเอาคนผิดเข้าคุกให้ได้ เขาเลยติดต่อมาทางตูม ว่าถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ช่วยหน่อย เพียงแค่พี่มะตูมโพสต์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มันก็อาจว่าพี่มะตูมมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เราก็แบบเธอ ฉันพึ่งรายงานตัวครบนะจ๊ะ เรื่องโควิดฉันเพิ่งผ่านไป ฉันมาโดนเรื่องนี้อีก”

“เราก็เลยคิดว่า ตูมจะผิดอะไรก็ได้ แต่ตูมไม่มีวันเอาเงิน และทุจริตคน เราเลยโอเค จะให้ช่วยอะไร เขาบอกว่าช่วยเอาเขามาเจอหน่อยได้มั้ย หนูอยากถามว่าโกงเพราะอะไร และเงินอยู่ที่ไหน จะเอาเงินคืน เลยพูดว่าถ้าหากทำในที่สาธารณะอันตรายนะ เลยมาทำที่ร้านอาหารของตูมที่อารีย์ ในวันที่ร้านปิด แล้วเอาคนมานั่งเซ็ตภาพเหมือนร้านเปิด เพราะว่ามิจฉาชีพคนนี้อยากพบตูมอยู่แล้ว เพราะเขาไม่รู้ว่าตูมรู้ เขายังมิได้เงินจากตูม และก็ตูมพยายามบ่ายเบี่ยงตลอด”

มะตูม

“และ มะตูม ก็นัดเขา ซึ่งเขาก็มาจริงๆ มากับเหยื่ออีกคนนึง ที่บอกว่าเป็นเจ้าของเต้นท์รถ

ซึ่งพอถึงร้านก็เกิดเหตุการณ์ตามในคลิป ทำให้เขาถูกจับกุมไป ตูมทำหน้าที่พลเมือง แต่ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่จับคน ซึ่งวันนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูสถานการณ์ด้วย ซึ่งวันนั้นไม่ได้มีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย มากสุดคือเอาน้ำอัดลมราดหัว”

“ผู้เสียหายโดนรวมกันเป็น 100 ล้าน ผู้หญิงอายุไม่ถึง 30 มีคดี 34 คดี เขาจะทำคนเดียวได้หรือเปล่า มีทั้งหวย มีทั้งเช็กเด้ง ทั้งพรบ.คอม ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตูมเคยเจอทั้งเขาและสามี ซึ่งสามีของเขาตอนนี้เงียบหาย ซึ่งตูมยังไม่ฟันว่าเกี่ยวข้องไหม ใครคิดว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่อยากถูกมองว่าสมรู้ร่วมคิดกับโจร ทักมาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยกัน

“ตอนนี้เขาถูกคุมตัวอยู่ ส่วนเงิน 8 ล้านจะได้คืนมั้ย อยากให้ได้คำตอบว่าได้คืน เพราะ 8 ล้านเพิ่งโอนไปไม่ถึงเดือน เงินน่าจะไม่ได้หายไปไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้คืนมั้ย เพราะล่าสุดเขาบอกว่าเขาไม่มีแล้ว”

“วันนั้นกลัวว่าเขาพกระเบิด เพราะไม่รู้ว่าใครที่จะใส่กำไล EM จะกล้าทำแบบนี้ เพราะส่วนตัวคิดว่าคนที่ใส่กำไล EM คือคนที่รอตัดสินคดี แต่เราเห็นเขาใส่กางเกงผ้าพริ้วๆ ตอนยื้อมีคนมากระซิบบอกว่า มีวัตถุอะไรตรงขา เราคิดว่าไม่ระเบิด ก็ปืน เพราะเห็นในคลิปตูมจะค่อยๆ เพราะกลัวจะระเบิด แต่พอไม่ใช่ก็โล่ง”

“หลังจากเป็นข่าว มีคนส่งข้อมูลมาให้เยอะมาก บางคนไม่สามารถส่งลูกเรียนต่อได้ บางคนจะฆ่าตัวตาย บางคนล้มละลาย บางคนมาจากต่างจังหวัดตั้งแต่ ตี 5 บางคนขอบคุณที่ทำให้เป็นข่าว เขาอายุไม่ถึง 30 ปี ทำหลายอย่างเยอะมาก เปลี่ยนชื่อเป็น 10 ชื่อนามสกุลที่อยู่”

“เรื่องข้อกฎหมายตูมก็ยังไม่ทราบ แต่เขาไปถึงโดนจับกุมเลย แต่เป็นคดีอื่น เหมือนเราช่วยจับ ไม่ใช่เรื่องของตูม เราอาจมีความผิดทางกฎหมาย ย้ำเราไม่ได้ทำตามอำเภอใจ เรามีการปรึกษา ทำในพื้นที่ตัวเอง เพื่อให้ควบคุมได้ ซึ่งตนยังไม่มีทนายเลย เราออกมาปกป้องชื่อเสียง ทั้งที่เรายังไม่ได้เสียหาย คาดว่าเร็วๆ นี้จะมีทนาย”

“ซึ่งถ้ามีคนจะฟ้องตูมน่าจะมีคนเดียว คิดว่าเขายังไม่ฟ้อง เพราะเขาน่าจะเคลียร์ของเขาอีกเยอะ แต่ถ้าตนจะมีความผิดเพราะทำแบบนี้ ตูมก็ยอมรับ เป็นดาราไม่รู้หรอก ถ่ายรูปกับใคร แล้วเราจะไปรู้ว่าใครเป็นมิจฉาชีพ เหนื่อยอยากขอโทษแม่ เพราะเคยสัญญากับแม่ว่าจะไม่เป็นข่าว แต่อยากให้แม่รู้ ตูมบริสุทธิ์ใจ และศรัทธาในความดีความชอบ ถ้าไม่ทำจะรู้เหรอมีผู้เสียหายรวมๆ 100 ล้าน”

“ซาร่า” เล่า “พี่มิกกี้” เป็นห่วงไม่อยากที่จะให้นั่งเชียร์บอลเพียงลำพัง ยังจะต้องปรับจูนมากมาย

ซาร่า มิกกี้

เจอ “ดราม่า” หลายครั้งจนเลิกใส่ใจ ซาร่า-ชัชชญา เจริญจันทร์ นางเอกสาว จากช่อง 8 ยอมรับหลังเปิดใจคบ มิกกี้-ปฐมพล นักฟุตบอลทีมชาติ โดนผู้หญิงบางคน เข้าหาแฟน แถมต่อว่าตนไม่เลิก จนกระทั่งครั้งคราวทำให้ทะเลาะกันบ้าง เคยห่างกันถึง 1 เดือน ก่อนจะกลับมาคุยกันใหม่ ซาร่า เปิดเผยว่า “เคยไปเที่ยวด้วยกัน ก็มีผู้หญิงมองเค้า ชอบเค้า เราจะแสดงอาการให้รู้ว่า หนูเห็นนะ มีผู้หญิงบางคน ที่เข้ามาโจมตีเรา มีทะเลาะเรื่องแบบนี้”

ทำอย่างไรให้การทะเลาะเบาะแว้ง ไม่บานปลาย

“มันไม่บานปลาย เพราะว่าเราใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์ คือตอนแรก เป็นคนอารมณ์ร้อนทั้งคู่ พอสุดท้าย เราเย็นลง ทุกอย่างจะดีขึ้นมาก ๆ ใช้เหตุผล ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เรารู้สึกแบบนี้ เขารู้สึกแบบนี้นะ หาจุดตรงกลาง ทำแบบนี้ดีไหม ยิ่งคุยกันไปนาน ๆ เรายิ่งรู้ว่า อีกคนเป็นยังไง เราควรจะปรับยังไง”

ซาร่า

ใครปรับตัวเยอะ กว่ากัน

“หนูค่ะ ปรับตัวเยอะกว่า หนูรู้สึกว่าพี่เค้าคงโต เหมือนไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก (หัวเราะ) คิดว่าถ้าเราเปลี่ยน ที่ตัวเรา ถ้ามันยังไม่ดีขึ้น มันก็ต้องที่เค้าแล้วแหละ เราปรับเพื่อเค้า แต่ถ้ามันไม่ดีขึ้น เค้าก็ต้องเปลี่ยนให้เราบ้าง”

เคยทะเลาะกันหนัก ๆ มั้ย

“ก็มีค่ะ ไม่คุยกันเดือนนึง คือตอนนั้นพี่เค้าโฟกัสการแข่งด้วย เราก็เหมือนเขาโฟกัสเรื่องงาน เราก็เลยห่างกัน สุดท้ายกลับมาคุยกันเหมือนเดิม”

บางคนห่างกันไปขนาดนี้ ไม่กลับมาแล้วนะ

“ใช่ค่ะ เหมือนตอนนั้น เค้าต้องการพื้นที่ เพื่อโฟกัสเรื่องงานจริง ๆ เพื่อจุดมุ่งหมายของเขา แค่หนูไม่ชิน”

หลังจาก 1 เดือน เค้าเข้ามา หรือเป็นเรากลับไปคุย

“ต่างคนต่างเข้าหากันดีกว่า ห่างกันเพราะมีปัญหา และ เขาโฟกัสเรื่องงานด้วย เราเข้าใจก็เหมือนปล่อยเค้าไป เลยจนสุดท้ายแล้ว เขาทำอะไรเสร็จปุ๊บ เค้าก็ทักกลับมา ว่าเขาพร้อมแล้วที่จะกลับมา”

เวลามีแมตซ์ เราก็ต้องไปนั่งเชียร์เค้าลำพัง เขินบ้างมั้ย

“มันอยู่ที่ว่า ความสุขของแต่ละคน คืออะไรมากกว่า อย่างหนูไปดูเค้า หนูรู้สึกว่า เห็นเค้าในอีกคาแรกเตอร์นึง เพราะว่าในสนาม เค้าเป็นอีกคาแรกเตอร์นึง มุ่งมั่น เราชอบเวลาเห็นเค้ามีความสุข ถามว่าเขินมั้ย นิดหน่อย พี่เค้าเป็นบุคคลสาธารณะ คนทั้งประเทศรู้จัก เป็นทีมชาติ ก็เขินบ้างเวลามีคนแซว”

เวลาไปดูบอล ซาร่า ยังไปคนเดียวเลยมั้ย

“ช่วงแรก ๆ ไปดูคนเดียวค่ะ แต่หลัง ๆ จะมีแฟนของ พี่ยิม-วรชิต รู้จักกัน เหมือนพี่มิกเอง ก็ให้หนูอยู่กับพี่คนนี้ ไม่อยากให้เรา อยู่คนเดียว ให้มีคนอยู่ด้วยหน่อย เพราะบางที เจอแฟนบอล เค้าไม่รู้ว่า จะเป็นอันตรายกับเรามั้ย ทางพี่ยิมเอง หนูก็รู้จัก เพราะเป็นนักฟุตบอล ของคุณตา รู้จักกันเหมือนเป็นพี่ เป็นน้องกันอยู่แล้ว”

โดนจับตามอง เป็นแฟนนักฟุตบอลล่ะ อึดอัดมั้ย

“ส่วนตัวหนูเอง ไม่อึดอัดค่ะ แต่ว่าตัวพี่เค้า หนูไม่รู้ เค้าเป็นคนไม่ชอบให้เรื่องส่วนตัวของเรา อะไรแบบนี้ หนูพยายามพูดกับเค้า ว่าคนน่ะอยากรู้ ยิ่งเราปิดคนยิ่งอยากรู้ หนูบอกว่าหนูทำงาน พี่ ๆ นักข่าวไม่รู้ เค้าก็จะสืบจนรู้นะ พอผ่านไปเรื่อย ๆ เริ่มชิน ตอนนี้มีข่าวเฉย ๆ แล้ว ก็ปล่อย ยังเอาข่าวมาให้หนูดูเอง เลยค่ะ”

เรารู้สึกอย่างไรบ้าง ที่กลายเป็นคนทุกคนรู้จัก ซาร่า เพราะเหตุว่าเป็นแฟนนักฟุตบอล

“อืม ถามว่ามีนอยด์มั้ย ก็มีนะ เพราะเราเป็นนักแสดง แต่ว่าถ้ามองอีกมุม เรามองได้ว่าคนอาจจะให้ความสนใจ พี่เค้า มากกว่าให้ความสนใจเรา รู้จักพี่เค้า เลยมารู้จักเรา ถ้ามองในมุมบวก อย่างน้อย ๆ เราได้แฟนคลับเพิ่ม เขาอาจจะรู้แค่ว่า เราเป็นแฟนนักบอลนะ มารู้จักอีกว่า เราเป็นนักแสดงด้วย ติดตามผลงานเราอีก ก็กลายเป็นผลพลอยได้ มองโลกในแง่นั้น มากกว่า ไม่ได้ด้อยค่าตัวเอง ช่วงแรก ๆ ที่โดนโจมตีหนัก ๆ เก็บไม่บอกใครเลย จนคุณแม่โดน DM ไปด้วย ตอนแรกเข้าใจว่า เค้าอินกับละคร เพราะว่า ในละคร เราตามผู้ชายโน่นนี่นั่น แต่สุดท้าย เค้าว่าที่เราเป็นแฟนกับนักบอล พี่เค้าก็จะสอนว่า อะไรที่มันไม่ดี ก็ไม่ต้องไปยุ่ง ปล่อยไป ถ้าเลือกที่จะไม่ปะทะ ดีที่สุด เพราะจะทำให้ทุกอย่างเงียบไป ต้องขอบคุณ แฟนบอลพี่เค้าด้วย เอ็นดูหนู รักพี่เค้า ตอนนั้นเจอแรงมาก จนเรารู้สึกเราทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ทำความเดือดร้อน ให้ใครเลย”.

เปิดตัวคราวแรก สามีพันล้านของ “อ้อน เกวลิน” เล่าวีรกรรมเจ้าชู้หนักมาก

คม นิคม อ้อน เกวลิน

เปิดตัวทีแรก สามีพันล้านของ “อ้อน เกวลิน” เล่าถึงวีรกรรม ความเจ้าชู้หนักมาก

ควงสามีออกมาเปิดใจหนแรก สำหรับ “อ้อน เกวลิน” นักร้อง และ ดาราหนัง สาวแสนสวย ที่วันนี้ขอควงสามีนอกวงการ “คม นิคม” เผยทางความรัก กว่า 12 ปี พร้อมย้อนเล่าวีรกรรมความเจ้าชู้ ของสามี ที่จับได้คาหนังคาเขา ถึงขนาดไปเฝ้าสามี ไปเที่ยวเล้าจ์มาแล้ว เปิดใจในรายการ คุยแซ่บShow ว่า

“โดยส่วนตัว อ้อนเป็นคนเปิดเผย ไม่ได้ปิดอะไร แต่ก็ไม่ได้มีใครสัมภาษณ์ หรือถามถึง ก็มีโพสต์ภาพคู่ ในสื่อโซเชียลมีเดียบ้าง สำหรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ รู้จักกันในบริษัท ฝ่ายชายเป็นรุ่นพี่ เวลาก็เจอยกมือไว้ ทักทายพูดคุยกัน ปกติจนผ่านไป 5 ปี จนต่างฝ่ายต่างโสด ก็เลยได้มาคุยกัน ศึกษากัน จากวันนั้น จนถึงวันนี้ก็ 12 ปีแล้ว

ถามว่าเจ้าชู้มาก เจ้าชู้ขนาดไหน คือจังหวะดีมาก พระเจ้าคงเข้าข้างอ้อน ให้อ้อนได้รู้ความจริง นั่งกินข้าวอยู่ดี ๆ ในนิมมาน อยู่ ๆ มีผู้หญิงมายืนหัวโต๊ะ นั่งอยู่ 3 คน เค้าจะกระทบชิ่งคุยกับพี่คมแหละ เค้าอยู่ในบริษัท เค้าบอกว่ามาเก็บข้าวของไปให้หมดเลยนะ เมื่อคืนก่อน ก็ยังอยู่ที่คอนโดอยู่เลย จะได้หมดเวรหมดกรรมไปซักที”

คม : วันนั้นผมคิดว่า ผมนั่งในจุดที่ ดีที่สุดแล้ว มีผม อ้อน แล้วก็น้องสาวคนเดิม น้องเค้าเดินเข้าประตูมาเลย น้องสาวผมสะกิด พี่นรกชัด ๆ เลย เค้ามายืนตรงหัวโต๊ะ ประชิดตัวเลย ถามว่ากลัวเค้าโกรธมั้ย กลัวใครมากกว่ากัน คือกลัวทั้งคู่นั่นแหละ บรรยากาศไม่ค่อยดีเลยตอนนั้น
อ้อน : พี่กลัวเค้าโกรธป่ะ พี่กลัวเค้าเลิกกับพี่ป่ะ
คม : กลัวซิ ไม่เลิกหรอก เดี๋ยวพี่ก็ง้อ

คม นิคม กับ อ้อน เกวลิน

แล้ววันนั้น อ้อน เกวลิน ทำยังไง ?

อ้อน : สำหรับอ้อน อ้อนไม่ได้เป็นฟืนเป็นไฟ อ้อนมองว่า มันเป็นเรื่องทางฝั่งของพี่คม ว่าพี่คมจะต้องจัดการ อะไรซักอย่าง อ้อนปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติ แล้วก็ไม่มาทุกข์ใจด้วย เพราะอ้อนเชื่อว่า ถ้าเค้าเลือกเรา เค้าจะไปจัดการของเค้า แต่ถ้าวันนี้ เค้าไม่ได้เลือกเรา เค้าก็จะจัดการเหมือนกัน

แล้วเรื่องที่ 2 ที่ตัดผม มันเกิดอะไรขึ้น ?
อ้อน : เค้าวางมือถือไว้ ผ้าคลุมจะต้องคลุมเวลาตัดผม และตัดผมพร้อมทำสี เค้าก็เลยถืออะไรไม่ได้ จังหวะนั้นมีผู้หญิงวีดีโอคอลมา หลังจากที่เค้ากดวีดีโอคอลทิ้ง อ้อนก็ไปดูไลน์ ก่อนหน้านั้นที่คุย เค้าก็เรียกว่าลุงทำอะไร ตื่นหรือยัง นี่ก็พิมพ์ตอบกลับไป แล้วหนูล่ะทำอะไร กำลังคิดถึงลุงอยู่ ทางนี้ก็ตอบปากหวาน คนนั้นก็ตอบว่า รู้ได้ยังไงเคยมาชิมหรอ หลังจากนั้น เค้าก็ไปจัดการ พี่คมเป็นคนไวมาก ถ้ามีเรื่องอะไรพวกนี้ เค้าจะไปวิ่งบล็อก จัดการดีลีทหมดทุกอย่างเลย

จริงมั้ยเวลาที่ เราท้องน้องไอคอน คุณคมเที่ยวทุกคืนเลย ?
อ้อน : ไม่ทุกคืน แต่ก็บ่อย
คม : ปกติผมมีเพื่อนผู้ชาย ผมก็ต้องไปเที่ยวแบบผู้ชาย ก่อนแต่งงานผมบอกแล้วว่า พี่เที่ยวเล้าจ์นะ มีผู้หญิงเยอะ กินเหล้านะ เค้าก็บอกว่าได้ ถ้าพี่จะไป พี่ก็บอกหนูแล้วกัน เที่ยวไปเที่ยวมา เลยพาเค้าไปดู

ในฐานะเพศหญิง ที่ไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้ มาก่อนเลย รู้สึกยังไง?

อ้อน : “อ้อนอาย อ้อนเขิน ที่เห็นผู้หญิง นุ่งน้อย ห่มน้อย ลงน้ำ”

คม : “มันจะมี สระว่ายน้ำ อยู่ตรงกลาง แล้วก็นุ่งน้อยห่มน้อยลง ไปอาบน้ำ ถือผ้าเช็ดตัวมา ให้เราเช็ดตัวให้ แต่อ้อนก็นั่งอยู่”

อ้อน : “อ้อนไม่ห้าม อ้อนเชื่อใจเขา จริง ๆ ลึก ๆ เขาไม่ได้เป็นคนเลวร้าย เขาเป็นคนชอบสังคม ชอบปาร์ตี้”

เพราะเหตุไรอ้อนถึงใจกว้าง ทำใจได้กับเรื่องแบบนี้ ?
อ้อน : “คืออ้อนรู้จักเขา อ้อนรู้จักเพื่อนเขาที่ไปด้วย อ้อนเชื่อว่า วันนี้เราเจอผู้ชายคนนึง ที่เรียบร้อย ไม่เที่ยวอะไรเลย แต่สุดท้าย ถ้าเขาไม่ใช่ของของเรา เขาก็ไม่ได้อยู่กับเรา”

ผู้หญิงคนนี้ น่ารักยังไง ?
คม : “อบอุ่นดีครับ รู้สึกปลอดภัย และ สบายใจเวลาอยู่กับเขา ออกจากบ้าน ไม่ต้องห่วงอะไรเลย เพราะเขาอยู่บ้าน ดูแลลูกดี ดูแลสามีดี ทำงานเก่ง รักมาก”

ผู้ชายคนนี้ น่ารักยังไง ?
อ้อน : “อยู่ด้วยแล้วมีความสุข สิ่งที่เขาเคยพูดกับอ้อนว่า เชื่อศรัทธา ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป อ้อนก็รับคำนั้น ตั้งแต่วินาทีแรก ที่ได้เจอกับเขา”

พีช พชร เปิดเผยสัมพันธ์ เก้า สุภัสสรา ชมอีกฝ่ายน่ารัก มีคนชอบเยอะ

พีช เก้า

เป็นอีก หนึ่งคู่ ที่ถูกแฟนคลับ สังเกต ระหว่างชายหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดี พีช พชร แล้วก็ นางเอกสาว เก้า สุภัสสรา ที่พักหลัง ๆ คู่นี้ มีโมเมนต์น่ารักน่าเอ็นดู แซวกันออกสื่อ ให้เห็นอยู่เป็นประจำ

ล่าสุด ได้พบหนุ่มพีช ที่งานบวงสรวง CLUB FRIDAY THE SERIES 14 LOVE&BELIEF ณ รอบๆลานหน้าตึก GMM Grammy ก็ไม่พลาด ที่จะถาม เรื่องความสัมพันธ์ กับสาวเก้า จากปากของหนุ่มพีช กันบ้าง ซึ่งเจ้าตัว ก็ตอบว่า

ความสัมพันธ์กับ เก้า สุภัสสรา?
เอาอย่างนี้เลยเหรอ (หัวเราะ) ปกตินะ ไม่มีอะไรนะ

ด้วยความที่เคมีดีมาก แล้วก็ ไปคอมเมนต์รูปตลอด?
ก็ทำอะไรอย่างนี้มาจะ 10 ปี ได้แล้วมั้ง ใช่มั้ย ณ ตอนนี้ผมว่า ก็แฮปปี้ดีแล้วนะ

ในช่วงเวลานี้มีการหยอด กันไปมา เลยดูเหมือนกับว่า ไม่ปกติ?
จริงเหรอ ก็นึกว่าเป็นปกตินะ เพราะก็คุยกันบ่อยอยู่แล้ว

เหมือนเพื่อนแซวเพื่อน?
ใช่ครับ

เก้า พีช

ลุ้นขึ้นมั้ย?

ถ้า ณ ตอนนี้ผมคิดว่าคงยัง เพราะทุกวันนี้ ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ ผมว่ามันก็ดีมาก ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะเสี่ยงไปทำไม ผมแค่รู้สึกว่า ก็ทำงานด้วยกัน เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ก็แฮปปี้มากแล้ว แล้วก็ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ ตัวผมเองผมก็รู้สึกว่า อยู่อย่างนี้ ก็แฮปปี้ดีอยู่แล้ว

แสดงว่า มีเปอร์เซ็นต์ จะสิ้นสุดทางเพื่อน อยู่ใช่มั้ย?
ผมมองว่า ทุกอย่างในโลกนี้ มันมีความเป็นไปได้หมด แต่ว่ามันแล้วแต่ว่า จะมีเหตุการณ์อะไร เกิดขึ้นหรือเปล่า

อย่างเก้านี่ ตรงสเปกมั้ย?
ไปถึงจุดที่ว่า ไม่มีสเปกไปแล้ว เพราะคิดว่า มันมีแล้วก็จะได้ไม่ค่อยตรง มันไม่ใช่เรื่องของภายนอกแล้วอะ ผมว่ามันเป็นไปเรื่อย ๆ มันจะเป็นเรื่องของนิสัยมากกว่า

ได้คุยกันถึงเรื่องข่าวมั้ย?
มีพิมพ์มา เวลาสัมภาษณ์อะไร ก็จะแบบว่า พูดแบบนี้ไปนะ เราก็อ๋อ โอเค ได้ ๆ แล้วแต่

มีเตี๊ยมกันด้วย?
ไม่ๆ เขาก็จะแบบถามว่า แบบเขาพูดแบบนี้ แล้วโอเคมั้ย แล้วแต่ อยากพูดอะไรก็พูดเถอะ

หมายความว่าวันนี้ ก็มีเตรียมตัวกันมาก่อน?
ไม่บอก ไม่บอกว่าจะพิมพ์บอกว่าอะไร

เวลาออกไปให้สัมภาษณ์ เก้าโอเคใช่มั้ย เวลาเราให้สัมภาษณ์อะไรไป?
อันนี้ผมไม่ได้ถาม ผมไม่คิดว่าจะต้องตอบเรื่องนี้วันนี้ (หัวเราะ)

แต่ว่า เก้า ให้สัมภาษณ์ว่า อยากที่จะให้พี่ พีช พูดก่อน?

ก็ยังไม่มี

เดี๋ยวนี้เราโสด อยู่หรือเปล่า?
ทุกวันนี้ก็แฮปปี้ดี โสดอย่างนี้แหละ ผมอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว ค้นพบว่า ตัวเองอยู่อย่างนี้แล้วแฮปปี้

ไม่ได้คุย ไม่ได้ศึกษากับใครเลย?
ก็มันไม่มีเวลาเลย ก็อยู่ต่างจังหวัดก็เล่นปาไปอาทิตย์ละ 6 วัน ไม่มีเวลาเลย

เหมือนหวงชีวิตโสดแล้ว?
ไม่ ๆ ผมคิดว่า ถ้ามีโอกาสเข้ามา ที่มันโอเคก็อาจจะเวิร์ก แต่ตอนนี้ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ฉันน่าจะลองดูนะ ผมว่าคำว่าผีผลัก บางทีมันไม่รู้ตัวอยู่แล้ว โอกาสบางทีมันมา โดยที่เราไม่รู้ อะไรก็เป็นไปได้ครับ

เก้าพูดว่า จะมีไปเที่ยวด้วยกัน ชวนหรือยัง?
ยังครับ ยังไม่มีเวลาเลย แต่ว่าตอนนั้นพิมพ์มาบอกว่าพูดอย่างนี้ ก็เดี๋ยวว่างค่อยว่ากัน

เขาเคยตัดพ้อ ว่าเก้าไม่ใช่สเปกพีช เนื่องจากว่าพีชชอบลูกครึ่งขายาว?
มันก็เคยมีนะ แต่สุดท้ายมันก็ ก็อย่างที่บอกแหละ ว่ามีสเปกแล้วมันไม่ค่อยเวิร์ก มีไปแล้วไม่ได้อะไร

มุมมองความรักเปลี่ยน?
แก่ขึ้นมันก็เปลี่ยนแหละ มันผ่านนู่นนี่มา มันก็เปลี่ยนครับ

เปลี่ยนไปในทางที่ดียิ่งขึ้น?
เปลี่ยนไปในทางที่ ผมว่าไม่คาดหวัง ดีกว่า ว่าจะเจอกับอะไร จะเป็นยังไงดีกว่า พอคาดหวังเยอะก็นอยด์

แต่ก็แซวเก้าเหมือนเดิม?
ใช่ครับ ก็คุยปกติอยู่แล้ว อะไรอย่างนี้ ก็ไม่ได้แบบว่า ต่างจากแต่ก่อนอะไร

จะกดดันมั้ย หากแฟนคลับชงหนักกว่าเดิม?
ไม่ๆ ผมก็แล้วแต่เลย ถ้าเขาแฮปปี้ผมก็โอเค ไม่ได้ขัดอะไร

ถ้าวันหนึ่ง ความสัมพันธ์พัฒนา ก็พร้อมเปิดใจ?
ถ้าวันหนึ่งมันแบบอะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้น ก็ปกปิดไป มันก็ไม่มีประโยชน์ครับผมว่า

เก้าน่ารัก?
ครับ เขาเป็นคนน่ารัก คนเลยชอบเขาเยอะไง

ความลับ! หลังเวที "มิสแกรนด์" แม้แต่ "อิงฟ้า" ก็ไม่เคยทราบ

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล

“ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เปิดความลับ! ข้างหลังเวที “มิสแกรนด์” แม้แต่ “อิงฟ้า” ก็ไม่เคยรู้ เรื่องราวชีวิตครอบครัว และก็ความรัก กว่าจะมีวันนี้ ลั่นชีวิตนี้ไม่ยอมให้ใครรังแก

บอสใหญ่ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” แห่งเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ รวมทั้ง มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ปัจจุบันมาเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวชีวิตครอบครัว และความรัก กว่าจะมีวันนี้ ลั่นชีวิตนี้ไม่ยอมให้ผู้ใดรังแก เผยหมดเปลือกเรื่องลับเวทีมิสแกรนด์ แม้กระทั้ง อิงฟ้า วราหะ ก็ยังไม่รู้

ไม่ค่อยได้มีโอกาสฟัง พี่ณวัฒน์ กล่าวถึงมิติของความรักหรือชีวิตส่วนตัวครอบครัว ?
ณวัฒน์ : เรื่องความรักก็ต้องมีแหล่ะ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ให้สเปซนี้ค่อนข้างเยอะ โอเคในสมัยวัยเด็กๆ ก็ต้องมีบ้าง เวลาผ่านมารู้สึกว่าทำไมตอนนั้นเราตัดสินใจทำแบบนั้น ทำไมโง่จัง เรื่องขี้ปะติ๋วทำไมตอนนั้นมันคิดยากคิดเย็น ประสบการณ์หรืออะไรใดๆ สอนทำให้เรามองไปข้างหน้าว่าสิ่งสำคัญที่สุดเราต้องรักตัวเองนะ ทุกวันนี้รักตัวเองมาก และบอกให้ทุกคนรักตัวเองเยอะๆ อายุ 50 แล้วอย่ามาหวือหวา มาหาความรักเลยมันไม่มีแล้ว คำว่ารักตัวเองคืออะไรรู้ไหม

ตรวจสุขภาพทุก 6 เดือน แอนไทเอจจิ้งทุกเดือน เติมวิตามินทางสมองทุกเดือน โดยเฉพาะเรื่องของสมองสำคัญมาก อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องความรักเพราะว่าเกิดมาท่ามกลางที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีห้องนอนส่วนตัว ชีวิตจึงนอนอยู่กับพ่อและแม่ เขาบอกว่าเด็ก 5-10 ขวบ ซึมซับอะไรก็จะเป็นแบบนั้น อาจจะซึบซับที่อยู่กับบุพการีเยอะเกินไปจึงรักแม่มาก รักพี่น้องมาก เคยตั้งคำถามตอนเด็กๆ ว่าถ้าแม่ไม่อยู่เราจะอยู่ยังไง นี่คือความคิดเด็กในตอนนั้น เราไม่อยากให้มันมาถึงเร็ว

ในวันที่แม่ไม่อยู่แล้ว ?
ณวัฒน์ : มีความรู้สึกว่าบาดเจ็บกับความรัก มีความรักกับแม่ค่อนข้างฝังใจจริงๆ ตอนนั้นไม่เอาอะไรเลยนะ ที่ปัจจุบันเขาบอกเป็นซึมเศร้าเป็นเลย วันที่เสียยังมีสติ ฌาปนกิจเสร็จยังมีสติ หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์สติจะไม่มี เริ่มถอยจนไม่อยากทำอะไรเลย แล้วก็ไม่อยากทำงาน ไม่อยากอยู่ไปถึงโหมดนั้นได้ นอนไม่หลับ ต้องหาหมอเยอะมาก กว่าจะกลับมาได้ครึ่งค่อนปี เหมือนผีตายซากเลยอันนี้เรื่องจริง ต้องกินยาหนักมาก แต่โชคดีตรงที่ว่ายังรักตัวเอง ยังหาวิธีการที่จะอยากพ้น พยายามทุกอย่าง

คิดถึงแม่ไหมครับ ?
ณวัฒน์ : ทุกวันนี้ยังไม่ได้เอาเตียงออกจากห้องรับแขก ตั้งแต่คุณแม่เสียบนเตียงเกือบ 10 ปี และก็ไม่ค่อยกล้าเดินผ่าน เพราะถ้าเกิดเอาออก มันใจหายเหมือนกับว่าเขาไม่อยู่

ในช่วงเวลานี้เรื่องคู่ชีวิตเราไม่คิดแน่นอน ?
ณวัฒน์ : เฉยๆ ครับ อันนี้จริงๆ คือตอนนี้มีทั้งหลานมีทั้งเพื่อนมีทั้งพี่ และลูกน้องเต็มไปหมดเลย ลูกน้องเข้าบ้านออกบ้านตามสบาย เพราะว่าเราจะบอกคนดูแลบ้านว่าหน้าไหนให้เข้าได้ คือมาสุ่มกันที่บ้านได้ มันโอเคนะ แต่ถามว่าความรักมันน่าจะมาเร็วกว่านี้มั้งครับ ถ้ามันจะรัก ปัจจุบันก็เฮฮาว่าไงเธอ แหย่กันเล่นกันโอเค แต่ว่าจะมานั่งนับ 1 คนเราจะคบกันมันต้องใช้เวลาเยอะนะแก่ตายพอดี ผ่านมันไปก่อนละกัน

ณวัฒน์ วู้ดดี้

พวกเรามองเห็นเลยว่าอารมณ์ของ พี่ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล จะไม่เหมือนในอดีต ?

ณวัฒน์ : จริงๆ มันก็คล้ายๆ กันนะ เพราะว่าด้วยสันดานข้อ 1 เป็นคนที่พูดอะไรไปแล้วต้องพิสูจน์ได้ ใครจะตีกลับมากี่ครั้งก็ได้ กล้าตี กล้าเล่นด้วย หลายครั้งจะพูดจาเพ้อเจ้อว่าถ้ามันเป็นอย่างนี้จริงมาเอาบ้าน มาเอาเงินที่มีทั้งหมด เพราะทุกครั้งที่เราวางอะไรลงไปต้องมั่นใจว่ามันใช่หรือไม่ใช่ แต่ว่าหลังๆ มันก็อาจจะใช้หลักการทางกฎหมายมากขึ้น จึงทำให้เรารู้สึกเบาลง ระวังในหลักการมากขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้สุ่มสี่สุ่มห้ามันอาจจะพลาดเพราะว่าเราเลือกคำไม่เป็น ทางกฎหมายสามารถที่จะแคร็กอะไรก็ได้ ถามว่ามันยังคงคล้ายเดิมไหมก็ยังคงคล้าย เกิดมาไม่ให้ใครแกล้ง และไม่เคยไปหาเรื่องใครก่อนเด็ดขาด ยกเว้นบางคนคิดว่าณวัฒน์ปากไม่ค่อยดี ณวัฒน์ชอบลุย ณวัฒน์ไม่กลัวใคร ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีผลต่อเราไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

Miss Grand Thailand
ณวัฒน์ : มิสแกรนด์ไทยแลนด์ปีนี้ได้ อิงฟ้า วราหะ มาถือว่าเป็นการทุ่มเต็มความสามารถ ก่อนที่จะมีอิงฟ้าเดินทางไปขอนแก่นไปนั่งคิดว่าอะไรที่จะช่วยเราพลิกวิกฤต เพราะเราไม่ชอบคิดแบบคนปกติ คิดว่านางแบบมี ดารานักแสดงมีหมดแล้ว แต่วงการทีวีมันเริ่มรู้สึกว่าซบเซาลง คนที่อยู่ในโซเชียลกลับมีพลังค่อนข้างสูง ก็เลยคิดว่าเราอยากจะหาคนแบบนี้ มีความรู้สึกว่านึกถึงหมอลำ เราก็เดินทางไปขอนแก่นไปเข้าบ้านระเบียบวาทะศิลป์ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักเขาเลยไปดูวิถีชีวิต พอเขาซ้อมให้ดูรู้สึกอิน

รู้สึกว่าเสน่ห์ของหมอลำไม่ใช่ใครก็ทำได้เพราะยากมาก และเป็นศิลปะที่คำพูดยากที่สุด ก็เลยรู้สึกชอบ มีความรู้สึกว่าถ้าเราแชร์กันน่าจะดี เลยเป็นที่มาของมิสแกรนด์ X ระเบียบวาทะศิลป์ เป็นเรื่องที่เปรี้ยงปร้างพอสมควร ในท่ามกลางที่คนบอกว่าเอาหมอลำไปรวมกับนางงามจะเป็นไปได้ยังไง สุดท้ายเราก็แคชได้ นาราแนน มิสแกรนด์ปราจีนบุรี , แป้งโกะ มิสแกรนด์ศรีสะเกษ , อิงฟ้า มิสแกรนด์กรุงเทพฯ ทั้ง 3 คนนี้ยังร้องหมอลำอยู่กับเราและอยู่กับวงตลอดเวลา ก็เลยเป็นปรากฏการณ์ของคนที่ไม่เคยดูนางงามอยู่ ๆ ก็มาดูนางงาม เราได้แฟนคลับกลุ่มนี้มาค่อนข้างเยอะ ก็เลยเป็นฐานให้คนพูดถึงแกรนด์ ดีใจครับ

การตัดสินมิสแกรนด์ แน่นอนมาตรฐานควรมีคณะกรรมการโหวต แต่ว่าเนื่องจากว่าเป็นเวทีพี่ณวัฒน์ เลยมีความคิดว่าในที่สุดแล้วพี่ณวัฒน์เคาะหรือไม่ ?
ณวัฒน์ : เคาะ ไม่ต้องคิดเยอะ (หัวเราะ) ก็เหมือนวู้ดดี้หาพรีเซนเตอร์สักคนหนึ่ง ต่อให้กี่คนแผนกต่างๆ มาช่วยดูสุดท้ายแล้วก็ต้องเคาะ ใครจะรู้ดีเท่าเรา ไม่ใช่ว่าเราเก่งที่สุดแต่เรานอกจากรู้แล้วต้องรับผิดชอบด้วย คนอื่นโดยเฉพาะคณะกรรมการมาเพื่อเป็นเกียรติ เพื่อทำมาร์เก็ตติ้งแพลน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมแต่ไม่สามารถจะบอกเราได้ 100% ว่าคนๆ นี้เหมาะกับเราหรือเปล่า

ก่อนหน้านี้คณะกรรมการพูดว่าเป็นคนนี้ แล้วพี่ไม่เห็นด้วย มีบ้างหรือเปล่า ?

ณวัฒน์ : เยอะแยะครับ เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าการประกวดนางงามความสวยมันเป็นปัจเจกบุคคล การมองคนจึงไม่เหมือนกัน นางงามเดี๋ยวนี้ไม่ได้วัดที่ความสวย วัดที่อยากจะเรียกว่าเสน่ห์ เพราะว่าเสน่ห์มากกว่าสวย โอเคหุ่นต้องต้องดี หน้าตาต้องดี สมองต้องดี 3 ส่วนสำคัญ หลังจากนั้นคนๆนี้มีอะไรมากกว่า 3 ส่วนนี้อีกไหมซึ่งจะทำให้คนหลงไหลเขา ชอบเขา เพราะเขาคือแบรนด์แอมบาสเดอร์ ตรงนี้สำคัญมาก ทำไมมิสแกรนด์ถึงเก็บตัวไม่ต่ำกว่า 25 วันต่อครั้ง เพราะเราอยากรู้จักเขาจริงๆ ว่านิสัยเขาเป็นยังไง และคนที่จะมาบอกเราไม่ใช่ตัวเราคนเดียว พนักงานรอบตัวเราทั้งหมดที่อยู่กับเขา

การเป็นคนสาธารณะในปัจจุบันไม่ต้องรอแสงจากจอสี่เหลี่ยมแล้ว แสงคุณมาตลอดเวลาจากช่องโซเชียลทางไหนที่คุณอยากใส่ แล้วผมจะดูฟีคแบคว่าคุณทำแล้วคนเขาชอบคุณขนาดไหน เพราะฉะนั้นการประกวดมิสแกรนด์จึงเป็นการประกวดที่ใช้เวลาเยอะที่จะต้องผลักดันเขาให้ได้ว่าตัวจริงเขาคือใคร เราต้องการหาคนที่เป็นตัวจริงพร้อมใช้ ไม่จำเป็นต้องสวยที่สุด อิงฟ้าก็ไม่ใช่คนสวยที่สุุด โกโก้ก็ไม่ใช่คนสวยที่สุด แต่ทำไมชนะเพราะบาลานซ์ทุกอย่างแล้วเขาได้ นี่คือความสมบรูณ์ที่สุดที่เราตามหา

มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล พี่ก็เคาะด้วย ล่าสุดในขณะที่อิงฟ้าไป เกิดอะไรขึ้นบ้างครับ ?
ณวัฒน์ : เคาะครับ หลายโมเมนต์มาก บางโมเมนต์ต้องรับสารภาพนะว่าไม่เคยบอกให้อิงฟ้าชนะ บางโมเมนต์ให้บราซิลชนะ แล้วก็กลับมาวิเคราะห์ถ้าเอาอิงฟ้าชนะ คนไทยจะเป็นยังไง คนต่างชาติจะเป็นยังไง แฟนคลับต่างชาติจะแอนตี้ไหม แต่ถ้าไม่ให้ชนะมันจะเกิดอะไรขึ้น คิดว่าคนไทยที่ซัพพอร์ต รวมถึงแบรนด์พรีเซนเตอร์ที่อิงฟ้าถืออยู่ 16 ตัว เขาก็ลุ้นกันตัวโก่งเพราะอยากได้ มันก็เรื่องของเศรษฐกิจด้วย เรื่องของการตลาด

สุดท้ายแล้วเราคิดว่า 10 ปีเราอุตส่าห์ลาออกจากวงการบันเทิงมา อิงฟ้าได้แล้วในประเทศไทยมิสแกรนด์ไทยแลนด์ แต่อินเตอร์เนชั่นแนลเราต้องทำใจเป็นกลาง ใจอยากให้ที่ 1 แต่เมื่อคิดว่าเราจะล่าอาณานิคมเมืองนอกเราต้องใช้คนอีกสไตล์หนึ่งในการล่า สำหรับ อิซาเบลล่า เมนิน เป็นคนที่ฐานะและความพร้อมค่อนข้างสูง ได้จริงๆ 3 ภาษา มานั่งวิเคราะห์เหตุผลลึกๆ แล้วก็ต้องยอมรับว่าเราควรจะเป็นรอง เราจะไม่ทรยศต่ออาชีพ ไม่เคยถามอิงฟ้าเลยนะ ไม่เคยคุยกันส่วนตัวเลย ในใจเขาว้าวุ่นขนาดไหน ไม่ว่าเรื่องกอสซิบ เรื่องการต่อสู้ การเก็บตัว การทำงานทุกอย่างที่ประเดประดังมาระหว่าง 1 เดือนที่อยู่บาหลีและจาการ์ตา เคยจะถามผู้ช่วยว่าไปถามน้องสิ ว่าโมเมนต์นี้เป็นยังไงลำบากใจไหม น้องบอกน้องมั่นใจว่าน้องเต็มที่แล้ว

จุดอ่อนของน้องๆ ก็รู้ว่าคืออะไร ตอนประกาศผลไปตอนจับมือ ผมเดานะคิดว่าน้องคงแอบคิดอยู่ในใจอาจจะเป็นน้องก็ได้ ความฝันเขาอยากเปิดคอนเสิร์ตในอินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ซึ่งเราเคยพาเขาไปแต่ละประเทศคนก็ชอบเขาเยอะ เพราะฉะนั้นเขาก็คงแอบมีความคิดแบบนี้ แต่พอประกาศไปว่าไม่ใช่ก็แอบสงสารเขาเหมือนกัน แต่ว่ามันก็ต้องประกาศตามนั้นถูกต้องแล้ว แล้วก็ได้เจอเขาหลังจากนั้นประมาณสักครึ่งชั่วโมงก็ถามเขาไหวไหม เขาบอกไม่เป็นไรบอสสบายมาก ดีที่สุด หนูภูมิใจ จะได้มีคนมาช่วยองค์กรทำงาน เพราะ อิซาเบลล่า เขาน่าจะช่วยองค์กรได้เยอะทางด้านอื่น ส่วนหนูก็เต็มความสามารถหนูก็ช่วยในภาคพื้นประเทศไทยแล้วก็อาจจะเป็นอินโดจีน หนูก็เต็มที่ต่อไป ไม่มีปัญหาหนูแฮปปี้ แค่นี้หนูก็สุดแล้ว ทุกวันนี้เขาก็มีความสุขครับ